ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิย้ำไม่มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากอินเดียเข้ามายังประเทศไทย พร้อมดำเนินมาตรการเข้มงวดดูแลการเดินทางเข้า-ออกประเทศตามนโยบาย ศบค.

01

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิย้ำไม่มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากอินเดียเข้ามายังประเทศไทย พร้อมดำเนินมาตรการเข้มงวดดูแลการเดินทางเข้า-ออกประเทศตามนโยบาย ศบค.

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2564 นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ต่อกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีเครื่องบินเช่าเหมาลำจากประเทศอินเดียซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรง เข้ามายังประเทศไทยนั้น
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ตรวจสอบแล้วขอยืนยันว่าในระยะเวลาที่ผ่านมาไม่มีเครื่องเช่าเหมาลำเดินทางจากประเทศสาธารณรัฐอินเดียมายังประเทศไทยผ่าน ทสภ. แต่อย่างใด ล่าสุดศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ชี้แจงแล้วว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ ทสภ. ในฐานะหน่วยงานผู้ดูแลการเดินทางเข้า-ออกประเทศทางอากาศ ขอยืนยันว่าภารกิจการรับเที่ยวบินจากประเทศอินเดียในเวลานี้มีเพียงส่วนการรับคนไทยกลับบ้าน (Repatriation flight) ตามภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งคนไทยจะเข้ามาได้จะต้องลงทะเบียนล่วงหน้า โดยไม่ได้มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำอื่นจากประเทศอินเดียเข้ามายัง ทสภ.
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ กล่าวว่า ทสภ.ในฐานะท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนมาตรการคัดกรองผู้โดยสารของกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC ) อย่างเข้มงวด สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ขนผู้โดยสารต่างชาติเข้าประเทศไทยในขณะนี้ยังเป็นไปตามเงื่อนไขที่ กพท. กำหนด โดยผู้โดยสารทุกคนต้องผ่านมาตรการคัดกรองที่ ทสภ.อย่างเคร่งครัด โดยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้มีการบูรณการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเมื่อผู้โดยสารทั้งคนไทยและคนต่างชาติเดินทางมาถึง ทสภ. สำหรับขั้นตอนดำเนินการนั้น ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทสภ. จะดำเนินการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ ตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน โดยจัดให้ผู้โดยสารนั่งพักคอย เพื่อตรวจความครบถ้วนของเอกสารและตรวจคัดกรองโรค หลังจากที่ด่านควบคุมโรคฯ คัดกรองเรียบร้อยแล้ว กรณีถ้าผู้โดยสารไม่มีไข้จะไปผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋า และออกทางช่องทางพิเศษเพื่อขึ้นรถที่จัดเตรียมไว้เฉพาะ โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) คอยกำกับดูแลนำผู้โดยสารไปส่งยังสถานกักตัวตามที่รัฐกำหนด ตามระยะเวลาการกักตัว 7-14 วันแล้วแต่เงื่อนไข ส่วนผู้โดยสารที่มีไข้ด่านควบคุมโรคฯ จะดำเนินการนำส่งโรงพยาบาลและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid -19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อไป จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบการคัดกรองของภาครัฐที่ ทสภ. ว่ามีการดำเนินการอย่างเคร่งครัด รัดกุม
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ กล่าวในตอนท้ายว่า ที่ผ่านมา ทสภ. ได้ให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสาธารณสุข โดยเน้นย้ำในการดูแลรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน รวมถึงบริเวณพื้นที่จุดสัมผัสต่าง ๆ เช่น ห้องน้ำ ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน แบบ Deep Cleaning อย่างต่อเนื่องทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และได้ขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกคนต้องถือปฏิบัติยึดหลักวิถีบินใหม่ D – M – H – T – T ซึ่งประกอบด้วย D (DISTANCING) เว้นระยะห่างกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น M (MASK- WEARING) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H (HAND WASHING) หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ T (TEMPERATURE CHECK) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และ T (THAICHANA) สแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ ขอให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ เชื่อมั่นและมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยและสาธารณสุขของ ทสภ. ที่ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 อย่างละเอียดมาอย่างต่อเนื่อง โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง
**********************************
ฝ่ายกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โทรศัพท์ 0 2132 9030
โทรสาร 0 2132 9019
อีเมล bkk_pr@airportthai.co.th